กฎเหล็ก 3 ข้อ!การเขียนโน้มน้าวใจ เพื่อให้คนทำตามที่คุณต้องการ

     

   ก่อนอื่นผมขอถามคุณก่อนว่า “คุณเชื่อไหมว่า การเขียน สามารถทำให้คนอ่าน ทำตามที่คุณต้องการได้” หากคุณยังสงสัยอยู่ แสดงว่าคุณยังศรัทธาในพลังแห่งการเขียนซึ่งอยู่คู่กับมนุษยชาติมานานแสนนาน ไม่เพียงพอ  คุณต้องมีความเชื่อก่อนในพลังแห่งการเขียน คุณจึงจะสามารถเรียกพลังในการเขียนของคุณออกมาได้  การเขียนเพื่อโน้มน้าวใจ เป็นการเขียนที่มีพลังในการกระตุ้นจินตนาการ  สะกิดความสนใจผู้อ่าน และให้ลงมือทำ ตามการเขียนของเราได้อย่างน่าอัศจรรย์ หากไม่เชื่อผมจะบอกถึงกฎเหล็ก 3 ข้ออันน่าอัศจรรย์นี้ให้คุณรู้

 

          ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า การเขียนไม่ว่าจะเป็นการเขียน  คำโฆษณา  การเขียนคอนเทนต์ นั้นมีวัตถุประสงค์ “ไม่ได้เขียนเพื่อให้คนอ่าน แต่เป็นการเขียนเพื่อให้คนลงมือทำ” ตามที่คนเขียนต้องการครับ

           ดังนั้นตอนนี้ เรามาเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับกฎการเขียนโน้มน้าวใจ 3 ข้อ เพื่อให้คนทำตามที่เราเขียนกันเลย

           1. ไม่เขียนหลายเรื่องมากเกินไป

             คุณต้องเขียนโดยไม่ใช้ข้อความที่ยาวมากจนเกินไป ไม่ใช่เขียนบอกเขาไปเสียหมด ต้องเขียนโดยบอกให้กลุ่มเป้าหมายคุณเกิดจินตนาการที่จะคิดหาคำตอบด้วย เช่น ” ทานอาหารซีเรียลไฟเบอร์สูง ทานคู่กับนมด้วยไหม?” เป็นต้น เป็นการใช้หลักจิตวิทยาร่วมด้วย เพราะคนเรานั้น ” เวลาที่ได้รับข้อมูลไม่เพียงพอ เรามักจะมีนิสัยอยากรู้อยากเห็น และตัดสินโดยใช้จินตนาการ หรือการคาดการณ์อยู่เสมอ”  ดังนั้นแล้ว การเขียนท่ีให้ข้อมูลน้อย อย่างจำกัดสามารถเรียกจินตนาการของผู้อ่านให้คิดตามได้

             ฉะนั้นคุณต้องคิดเสียก่อนที่จะเขียนเลยว่า “อยากจะให้คนอ่านทำอะไร”  เมื่อคุณคิดเป้าหมายของการเขียนแล้ว ควรกำหนดไปเลยว่า หนึ่งบทความ ต่อหนึ่งผลลัพธ์  คุณต้องนึกภาพไว้ในหัวเลยว่า คุณต้องการให้ผู้อ่านมีปฏิกิริยาตอบรับอย่างไร เมื่อเขาอ่านบทความของคุณ

             สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันในการคิดถึงเป้าหมายในการเขียนก็คือ  “คุณกำลังเขียนถึงใคร” หรือกลุ่มเป้าหมายของคุณในการเขียนคือใครนั่นเอง ทั้งนี้เพื่อที่คุณจะได้เขียนรูปแบบ ประโยค และเรื่องราวที่จะเขียนให้สอดคล้อง ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด เช่น หากคุณจะอธิบายเรื่องเกี่ยวกับ “เงินเฟ้อ” ให้เด็ก 4 ขวบฟัง  เขาจะรู้เรื่องไหม เป็นต้น 

            ฉะนั้นขอสรุปในข้อนี้เลยว่า การเขียนนั้น จะต้องสั้น ง่ายต่อการเข้าใจ และไม่ควรที่จะอธิบายมากจนเกินไป และต้องตรงกับกลุ่มเป้าหมายครับ

            2. ไม่ต้องเขียนให้สละสลวย

              เอาแบบเข้าใจได้ง่ายๆ คือ ให้เขียนโดยคำนึงถึงความเป็น “คน” นั่นเอง ไม่ต้องคิดให้มันมากความ ไม่ต้องแต่งประโยคให้ดูสวย เลิศเลอ ให้เขียนประโยคแบบพูดกันธรรมดาๆ นี่แหล่ะครับเข้าใจง่ายดี ยกตัวอย่างเช่น ” สุขสันต์วันเกิดครับ ขอให้ท่านเจริญด้วยทรัพย์สมบัติ สุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรค ปราศจากโศก ปราศจากภัย สมหวังทุกอย่างทุกประการ”  อ่านแล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ รู้สึกอ่านแล้ว ช่องว่างระหว่างคุณในฐานะคนเขียน กับ ผู้อ่านช่างห่างไกลกันเหลือเกิน   คราวนี้มาเขียนใหม่  ” สุขสันต์วันเกิด ขอร่างกายแข็งแรง สดใจ สมหวัง รวยๆ เฮงๆ ตามที่ใจต้องการน่ะครับ”  อ่านแล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ อันไหน ที่อ่านแล้วรู้สึกสบายใจมากกว่ากัน ผมไม่ต้องบอกน่ะครับ

             คุณไม่ต้องเขียนยาก ให้สละสลวย คำที่สะกิดใจคนนั้นจะไม่ใช่ด้วย “เหตุผล” แต่เป็น “ความรู้สึก” ครับ ในการเขียนให้แสดงถึงอารมณ์ และความรู้สึกให้ได้ เช่น ” เมื่อวานนี้ ฉันไปกินข้าวหน้าปลาไหลตามที่เธอแนะนำ อร่อยมากตามที่คุณบอกมาจริงๆ”  ดูจืดฉืดใช่ไหม คราวนี้มาลองใหม่ ” เมื่อวานฉันไม่กินข้าวหน้าปลาไหล ร้านที่คุณแนะนำ พอตักข้าวกับปลาไหลย่างเข้าปาก น้ำจากปลาไหล และความนุ่มของข้าว ช่างเข้ากัน เหมือนละลายในปากเลย สุดยอด ” อันไหนดึงดูดใจมากกว่ากันครับ  อันที่สองแน่นอน เพราะ มันได้สื่อไปถึงความรู้สึก ผู้อ่านเกิดจินตนาการ ไปถึงก้นบึ้งเลยทีเดียว

               3. ไม่เขียนจากความคิด และมุมมองของตัวเอง

                ข้อนี้ ถือว่าเป็นข้อที่พลาดที่สุด สำหรับผู้เขียนคำโฆษณา และเขียนคอนเทนต์ คือ “คิดเอาเอง” โดยไม่ได้คิดถึงกลุ่มเป้าหมายที่อ่านว่า เป็นคนแบบไหน และอยากให้ผู้อ่านทำอะไร  และยังมีคนเขียนอีกมากที่คิดเอาง่ายๆ ว่า ” เขียนไปก่อนล่ะกันเดี๋ยวก็มีคนอ่าน” ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมาก

                ดังนั้นคุณต้องคิดถึง และวิเคราะห์ กลุ่มเป้าหมายที่ คุณเขียนไปหาเขาว่า เขาอยู่ใน “วัยไหน”  “มีเรื่องสนใจอะไร”  “เขามีเรื่องกังวลใจอะไร”  และที่สำคัญ “เขาต้องการอะไร  ฉะนั้นสรุปในข้อนี้เลยก็คือ “เวลาเขียน เอาเวลาที่คิดถึงเรื่อง และความต้องการที่คุณเองอยากเขียน และเอาเวลานั้นไปรู้จัก “คนอ่าน” ก่อนดีกว่า แล้วจึงค่อยลงมือเขียน 

                ลองนำไปปรับใช้ดูน่ะครับ การเขียนของคุณจะมีพลังในการจูงใจ มากกว่าที่เคยอย่างแน่นอน

 

 

Leave a Comment