3 ขั้นตอนแสนง่ายของการเขียนโฆษณาที่เปลี่ยนจาก”ไม่” เป็น “ตกลง”

        วิธีการ 3 ขั้นตอนนี้ ผมอ้างอิงมาจากหนังสือ “แค่ใช้คำให้ฉลาด เพิ่มโอกาสจาก 0 เป็น 100 ” เขียนโดยคุณ ซาซากิ เคอิจิ ซึ่งเป็นวิธีการที่จะเปลี่ยนคำขอร้องเป็น การตอบตกลง และสามารถนำมาปรับใช้กับการเขียนโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผมลองมาแล้ว มัน Work มากเลย จึงอดไม่ได้ที่จะยกมาเขียน เพื่อให้ทุกคนได้นำไปปรับใช้กับการเขียนโฆษณา รับรองหากคุณนำไปปรับใช้ จะสามารถปลุกพลังแห่งการเขียนคำโฆษณาของคุณได้อย่างแน่นอนครับ

เอา

 

        เรามาเริ่มเรียนรู้วิธีการเปลี่ยนจากการเขียนโฆษณาจากการ ปฏิเสธ เป็น ตกลงที่จะรับ กันเลยดีกว่า ซึ่งคุณสามารถนำไปปรับใช้กับการเขียนโฆษณาของคุณได้โดยทันที และเห็นผลอย่างรวดเร็ว

        1. อย่างเขียนโฆษณาที่สื่อสารความต้องการของคุณออกไปตรงๆ 

              “สนใจไหมครับ”  “ซื้อเลยครับ”  “รับเลย”  “รับ 2 ชิ้น ฟรี 1 ชิ้น”    ใจเย็นๆ ครับ ยังไม่ได้เขียนบอกอะไรเลย คุณก็ใช้คำที่บอกถึงความต้องการให้กระทำ ออกไปตรงๆ ซ่ะงั้น คุณอาจจะคิดว่าการที่คุณสื่อสารคำโฆษณากระตุ้นการกระทำตามความต้องการออกไปเลย จะเป็นโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายสนใจ และตอบตกลงได้ง่ายกว่า กรุณาอย่าคิดเช่นนั้น ขอบอก  มันเหมือนกับการพนันเสี่ยงโชคเลยน่ะนั้น  แล้วทำไมผมถามจริง คุณต้องเสี่ยงโชค เสี่ยงดวง เหมือเล่นการพนัน หรือโยนเหรียญ เพื่อให้ออกหัว หรือ ออกก้อย ล่ะ  คุณสามารถเพิ่ม % การตอบตกลงได้ หากคุณคิดสักหน่อย อย่าเพิ่งรีบสื่อสาร ใจเย็นๆ เชื่อผม

        2. คาดเดาความต้องการ และความคิดของกลุ่มเป้าหมายของคำโฆษณาของคุณ

              กลุ่มเป้าหมายของคุณคือใครล่ะ  เข้าต้องการอะไร เขาคิดอะไรอยู่  แน่นอน หากคุณคิดแต่ความต้องการของคุณเอง และต้องการที่จะบอกความต้องการของคุณผ่านทางคำโฆษณาเพื่อส่งให้ กลุ่มเป้าหมายของคุณได้อ่านล่ะก็  เตรียมล้มเหลวได้เลยครับ อย่าเข้าใจผิดน่ะครับ คุณเขียนคำโฆษณาเพื่อการตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ไม่ใช่ความต้องการของคุณ  คุณสามารถคาดเดาความต้องการของกลุ่มเป้าหมายอย่างง่ายๆ ด้วยการดูการ Comment หรือข้อเสนอแนะ ข้อร้องเรียน ที่กลุ่มเป้าหมาย หรือลูกค้าของคุณฝากไว้ที่หน้าเพจ เวปไซท์  หรืออีเมล์ที่เขาส่งถึงคุณ  หรือหากคุณเพิ่งเริ่มทำธุรกิจใหม่ คุณสามารถเข้าไปหา Comment ข้อมูลที่เกี่ยวกับสิ่งที่คุณต้องการจะขาย เหล่านี้ได้จาก Google รับรองมีแน่นอน สินค้า และบริการทุกอย่างมีปัญหา ข้อร้องเรียน เป็นกระทู้ต่างๆ อยู่เสมอครับ คุณก็แค่หา และรวบรวมข้อมูลเหล่านี้มาเขียนคำโฆษณา เพื่อแก้ปัญหาให้กับกลุ่มเป้าหมายของคุณ ดีกว่าที่คุณจะ ตาบอด ไม่ทราบอะไรเลย แล้วกระโดดเข้าไปเขียนคำโฆษณา และปล่อยออกไป เสียมากกว่า ได้อย่างแน่นอนครับ

         3. เขียนคำโฆษณา สื่อสารคำโฆษณา ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย

              แน่นอนครับ การที่คุณเขียนคำโฆษณา และสื่อสารออกไปเพื่อต้องการที่จะกลุ่มเป้าหมายสนใจ และมาซื้อสินค้า และบริการกับคุณ  ส่วนกลุ่มเป้าหมายเองก็ต้องการสินค้า และบริการที่ตอบสนองความต้องการ เช่น คุณต้องการขายหมอนเพื่อสุขภาพ หากคุณสื่อสารออกไปว่า “รับหมอนเพื่อสุขภาพสักใบ ไหมครับ รับรองคุ้มค่าแน่นอน”  ก็เป็นการตอบสนอง เป็นประโยชน์กับคุณเพียงอย่างเดียว นั่นคือ คุณได้ขายหมอนแค่นั้น ในประโยคโฆษณานี้ ไม่ได้ให้ประโยชน์แก่ ลูกค้าเป้าหมายของคุณเลย แต่หากคุณเขียนประโยคโฆษณาว่า ” คุณมีปัญหานอนไม่หลับ ปวดต้นคอ อยู่บ่อยๆ ใช่ไหม ปัญหาเหล่านี้ทำให้คุณหลับไม่เต็มอิ่ม ทำงานไม่ดี หมอนใบนี้ออกแบบตามสรีระของกระดูกต้นคอ ทำให้นอนหลับสนิท ไม่ต้องปวดต้นคออีกเลย เมื่อคุณนอนหลับสนิท หลับเต็มตื่น การทำงานคุณก็ดีขึ้น มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น อารมณ์ก็ดี คุ้มค่าแบบนี้ รออะไรอยู่ จัดเลยครับ ”   เป็นประโยคโฆษณาที่ยาวไปหน่อย แต่เน้นไปที่ปัญหาที่กลุ่มเป้าหมายของคุณเจอ เจาะไปที่ตัวของเขา  และคุณเสนอหมอนนี้เพื่อแก้ไขปัญหานี้ให้เขา   กลุ่มเป้าหมายคุณได้สุขภาพการนอนที่ดี   ส่วนคุณก็ได้ขายสินค้า และได้รับความน่าเชื่อถือ ถือว่า ” Win Win” ทั้ง 2 ฝ่าย หากเป็นคุณ คุณจะเลือกซื้อกับ ผู้ขายที่เขียนคำโฆษณาแบบไหนครับ   คงไม่ต้องบอกใช่ไหมครับ^^

         จากนี้ไป คุณลองนำ 3 ข้อนี้เข้าไปใช้ในการคิดคำโฆษณาทุกๆ Copy  ที่คุณเขียน รับรองว่าจะช่วยยกคุณภาพ การตอบสนองของกลุ่มเป้าหมายของคุณให้มากขึ้น ได้อย่างแน่นอน

Leave a Comment